วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

iPHONE จ้า



    ไอโฟน (อังกฤษ: iPhone) เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล โดยการทำงานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่นแรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้ UMTS และ HSDPA

    แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ ประจำปี 2550 โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G และ ไอโฟน 3GS และไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในปัจจุบันคือ iPhone 4S ซึ่งมีเป็นรุ่นที่สมบูรณ์ที่สุดในขณะนี้

    การทำงานของไอโฟน
    การทำงานของโทรศัพท์ไอโฟนนี้จะแตกต่างจากโทรศัพท์มือถืออื่น โดยไอโฟนจะไม่มีปุ่มสำหรับกดหมายเลขโทรศัพท์ โดยการทำงานทั้งหมดจะทำงานผ่านหน้าจอโดยการสัมผัสมัลติทัชผ่านคำสั่งต่างๆ โดยมีระบบปฏิบัติการหลัก iOS และมีระบบเซ็นเซอร์ในการรับรู้สภาพของเครื่องเพื่อกำหนดการแสดงผลของจอภาพ เช่นหากวางเครื่องในแนวตั้งระบบก็จะปรับให้แสดงผลในแนวตั้ง หากวางในแนวนอนระบบก็จะแสดงผลในแนวนอน

    รุ่น
    - ไอโฟน 2จี (iPhone 2G)
    - ไอโฟน 3จี (iPhone 3G)
    - ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS)
    - ไอโฟน 4 (iPhone 4)
    - ไอโฟน 4เอส (iPhone 4S)
    - ไอโฟน 5 (iPhone 5)จะเปิดตัวประมาณวันที่ 12 กันยายน
     การวางจำหน่าย
     ไอโฟนเริ่มมีวางจำหน่ายครั้งแรกเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 โดยร่วมมือกับเครือข่ายเอทีแอนด์ทีไวร์เลสส์ (ในขณะนั้นในชื่อ ซิงกิวลาร์ไวร์เลสส์) โดยก่อนวันจำหน่ายร้านแอปเปิลได้ปิดร้านในช่วง 14 นาฬิกาเพื่อเตรียมตัวขายไอโฟนในเวลา 18 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ใช้รอคิวเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก โดยทางแอปเปิลขายไอโฟนได้ 270,000 เครื่อง ในช่วง 30 ชั่วโมงแรกที่เปิดจำหน่าย โดยในปัจจุบันไอโฟนรุ่นแรกมีวางจำหน่ายในหกประเทศได้แก่ ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา

     โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือที่รู้จักในชื่อ ไอโฟน 3G จะมีการวางจำหน่ายใน 22 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 6 ประเทศที่มีวางจำหน่ายแล้ว และหลังจากนั้นจะมีวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกใน 48 ประเทศทั่วโลก รวมเป็นทั้งหมด 70 ประเทศ โดยในอาเชียนจะมีประเทศสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ที่มีการจำหน่ายไอโฟนอย่างเป็นทางการ โดยในสหรัฐอเมริกานั้น ผู้ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่จำเป็นต้องจดสัญญากับเอทีแอนด์ทีเป็นระยะเวลาสองปี

      ประเทศไทยเริ่มมีการวางจำหน่ายไอโฟน 3G ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552 โดยทรูมูฟ เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจำหน่ายเป็นรายแรกในประเทศไทย และมีงานเปิดตัวระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม พ.ศ. 2552 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน และดีแทคเป็นรายที่สองที่ได้สิทธิ์การจัดจำหน่าย โดยมีการเปิดตัวพร้อมจำหน่ายเครื่องวันแรก เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 ณ ลานพาร์กพารากอน สยามพารากอนและในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 0.00 น. ไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในประเทศไทย โดยทรูมูฟ, ดีแทค และ AIS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจำหน่ายในประเทศไทย


********************



   ไอโฟน 3จี (iPhone 3G)
 
    ไอโฟน 3จี (iPhone 3G) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน รุ่นแรกถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน WWDDC 2008 ที่ Moscone Center ในเมืองSan Francisco มี 3G ที่คล้ายกันมากกับรุ่นก่อนที่มีเหมือนกันกล้อง 2 MP และการสนับสนุนสำหรับ บันทึกวิดีโอ ไม่มีและประสิทธิภาพการทำงานของมันถูก จำกัด โดยเดียวกันขนาด 128 เมกะไบต์ eDRAM หน่วยความจำแต่ 3G ที่โดดเด่นการปรับปรุงหลายต้นฉบับ ที่สนับสนุน GPS แบบช่วยเหลือ, ข้อมูล 3G และ Tri - band UMTS/HSDPA

     การทำงานของ iPhone 3G มีระบบปฏิบัติการของ Apple IOS ของระบบปฏิบัติการเดียวกับที่ใช้เมื่อก่อนหน้า iPhones , iPad, Apple TV, และ iPod Touch จะมีการควบคุมเป็นหลักโดยปลายนิ้วของผู้ใช้ในที่ สัมผัสหลาย แสดงซึ่งมีความไวในการติดต่อกับปลายนิ้ว
iPhone 3G ไม่ได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์จาก Apple ในวันที่ 11 มีนาคม 2011 ซึ่งเป็นวัน iOS 4.3 ถูกเปิดตัวออกมา แต่ก็ไม่มีการสนับสนุน

     ประวัติ
     ในวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 Apple ได้เปิดตัว iPhone 3G ใน 22 ประเทศ รวมทั้งเดิมหก ในรุ่น 8GB และ 16GB, กับรุ่นความจุที่มีขนาดใหญ่ที่มีตัวเลือกของการอยู่ในสีดำหรือสีขาว
      เมื่อ iPhone 3GS ถูกปล่อยออกมาได้ 1 ปีภายหลังราคาของ iPhone 3G ถูกตัดในช่วงครึ่งปีและได้ทำรูปแบบการงบประมาณของ iPhone โดยราคาของ iPhone 3G อยู่ในราคา $ 99 อยู่ในสีดำเท่านั้น และมาพร้อมกับ 8GB ของการจัดเก็บ พร้อมกับการแก้ไขนี้เป็น iPhone OS 3.0 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2010 iPhone 3G ถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย 8 GB iPhone 3GS ขายในราคาเดียวกันด้วยราคา $ 99

     ซอฟต์แวร์
     iPhone 3G ได้เข้ามาโหลดไว้กับรุ่นล่าสุดของ iPhone OS ทั้ง 2 เพื่อให้มีการปรับปรุงใหม่ล่าสุดในซอฟต์แวร์และการที่จะต่อสู้กับความพยายามของการ jailbreaking กว่าปีที่ iPhone 3G ของได้รับการสนับสนุนโดย Apple ที่มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ ซ้ำที่สำคัญของซอฟต์แวร์ที่มักจะเปิดตัวออกมาทุกปี

     เมื่อเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมปี 2008 ของ iPhone 3G มาพร้อมโหลดไว้กับ iPhone OS 2.0 ซึ่งเปิดตัวใน App Store สนับสนุนโดย Microsoft Exchange ActiveSync, บริการ MobileMe ของ Apple และผลักดันการสนับสนุนทางอีเมลพร้อมด้วยคุณสมบัติใหม่อื่น ๆ และแก้ไขข้อผิดพลาดเช่นกัน

     ในเดือนมิถุนายน 2009 iPhone 3G ของ iPhone ได้รับการปรับปรุงซอฟแวร์ระบบปฏิบัติการ 3.0 ที่นำรอคอยมานานคุณลักษณะ MMS คัดลอกและวางสนับสนุนภูมิสำหรับใช้งานมากขึ้นการสนับสนุนสเตอริโอ Bluetooth, และการปรับปรุงอื่น ๆ เช่นกัน
ในเดือนมิถุนายน 2010 เจ้าของ iPhone 3G ถูกออก iOS 4.0 การปรับปรุงซอฟต์แวร์ ซึ่งแตกต่างจากผู้สืบทอดของ iPhone 3GS ที่จะไม่ได้รับ multitasking ภาพพื้นหลังหน้าจอที่บ้านหรือการสนับสนุนแป้นพิมพ์ Bluetooth แต่ก็ยังคงมีคุณสมบัติแบบครบวงจรของกล่องจดหมาย, โฟลเดอร์, รายการเพลงที่สร้างระหว่างการปรับปรุงอื่น ๆ ใน Ios 4 แต่ยังคงแม้จะมีจำนวนของคุณสมบัติใหม่ที่นำมาปรับปรุงนั้นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางสำหรับการทำงานที่ช้าในบนอุปกรณ์

     แต่อย่างไรก็ตามการปรับปรุงเพื่อพัฒนาไปยัง iOS 4.1 ได้เปิดตัวและเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2010 ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่อยู่ภายใต้ iOS 4 แต่แตกต่างจากอุปกรณ์อื่น ๆ iOS แม้ว่าจะไม่ได้รับการประยุกต์ใช้ศูนย์เกมส์

     ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 iPhone 3G ได้รับการปรับปรุงเป็น iOS 4.2 การปรับปรุงซอฟต์แวร์ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติใหม่ เช่น YouTube การออกเสียงลงคะแนน และการแก้ไขการรักษาความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม iPhone 3G ไม่ได้รับคุณสมบัติมากมายรวมทั้ง AirPlay ตัวเลือกเพิ่มเติมในถาดแบบมัลติทาสก์และค้นหาข้อความซาฟารี

     ในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2011 iOS 4.3 ได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์เบต้า 1 ออกมาให้นักพัฒนา แต่ยังไม่มีการการเชื่อมโยงดาวน์โหลด iPhone 3G จะไม่สนับสนุนโดย Apple ในการปรับปรุงซอฟต์แวร์
ในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2011 การปรับปรุงของ IOS ซอฟต์แวร์ 4.3 ได้ประกาศอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ iOS ออกจากการสนับสนุนของ iPhone 3G


*********************

   

     ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS)

     ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สามของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3G ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ในงาน WWDDC 2009 และขายครั้งแรกวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ในประเทศออสเตรเลียและญี่ปุ่นวางจำหน่ายในวันที่ 26 มิถุนายนและต่างประเทศในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม พ.ศ. 2552
ไอโฟน 3จีเอส ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการของ Apple Ios เป็นถูกนำมาใช้ใน iPad และ iPod touch จะมีการควบคุมเป็นหลักโดยปลายนิ้วของผู้ใช้ในจอแสดงผลแบบมัลติทัช ไอโฟน 3จีเอส จะนำหน้าด้วย iPhone 3G และประสบความสำเร็จโดย iPhone 4


*********************

     ไอโฟน 4  (iPhone 4)

    ไอโฟน 4 (อังกฤษ: iPhone 4) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สี่ของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3จีเอส ถูกออกแบบเฉพาะสำหรับการใช้งานด้านการโทรศัพท์โดยมีสัญญาณภาพ (ในชื่อ เฟซไทม์) การอ่านหนังสืออีบุค, การดูวิดิโอ, ฟังเพลง, เล่นเกม และอินเทอร์เน็ต ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 และขายครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในอเมริกา,อังกฤษ และอีกในหลายประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นมีการขายครั้งแรกอย่างเป็นทางการใน วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553 โดยสามบริษัทใหญ่เป็นผู้จำหน่ายคือ เอไอเอส ,ดีแทค และทรูมูฟ

     ไอโฟน 4 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในไอโฟนรุ่นก่อนหน้า รวมไปถึงไอแพดและไอพอดทัช 
     การทำงานหลักควบคุมโดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อแตกต่างระหว่างไอโฟน 4 และไอโฟนรุ่นก่อนหน้าได้แก่ การออกแบบโฉมใหม่ ที่มีการหุ้มขอบด้วยสเตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่กึ่งกลางระว่างกระจกอลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้สองด้านหน้าหลัง ภายในเครื่องมีซีพียู แอปเปิล A4 พร้อม ram 512 MB ของ eDRAM ซึ่งมีความเร็วเป็นสองเท่าของรุ่นก่อนหน้า และเร็วเป็นสี่เท่าของไอโฟนรุ่นแรกสุด หน้าจอขอไอโฟน 4 มีขนาด 89 มม. (3.5 นิ้ว) โดยใช้แอลอีดีแบล็กลิตขนาด แสดงผลด้วยความละเอียด 960×640 พิกเซลซึ่งชื่อการค้าว่าว่า เรตินาดิสเพลย์ (Retina Display)
     จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ Facetime การสนทนาพร้อมส่งภาพจากกล้องด้านหน้า หรือด้านหลัง ไปให้คู่สนทนาได้ชมแบบสดๆ หรือเรียกว่าวีดีโอคอลล์ เพียงแต่ Facetime ไม่ต้องอาศัยเครือข่าย 3G แต่อาศัย Wi-Fi แทน วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ทิ้งไว้ จากนั้นทำการโทรออกไปหาผู้รับตามปกติ (ผู้รับสายจะต้องใช้ iPhone 4 มีเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นกัน) ระหว่างรอรับสายให้กดปุ่ม Speaker เพื่อสนทนาผ่านลำโพง และ เมื่อมีผู้รับสายให้กดปุ่ม Facetime เพื่อเปิดใช้งานกล้อง โดยผู้ใช้ สามารถสลับการใช้งานได้ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง

     ประโยชน์ของ Facetime นอกจากการสนทนาแบบเห็นหน้า นั่นคือการสื่อสารที่มากกว่าคำพูด เพราะผู้ใช้สามารถรับรูปถึงอารมณ์ของคู่สนทนามากกว่าฟังแต่เสียง อีกทั้งการแสดงภาพเคลื่อนไหวภาพยังทำได้ราบลื่น (ขึ้นอยู่กับความเร็วของสัญญาณ Wi-Fi ในเวลาใช้งาน) ที่สำคัญผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม (นอกจากค่าบริการอินเตอร์เน็ต Wi-Fi)
ถ้าให้เทียบกับการสนทนารูปแบบวีดีโอคอลล์ผ่านเครือข่าย 3G ต้องยอมรับว่า Facetime เหนือกว่า ทั้งเรื่องสัญญาณ Wi-Fi ที่ครอบคลุมมากกว่า เครือข่าย 3G ค่าบริการที่ถูกกว่า และ ความเร็วในการแสดงผลระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดคือ iOS 5.0(เริ่ม 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554)


*********************

      ไอโฟน 4เอส (iPhone 4S)

      ไอโฟน 4เอส (อังกฤษ: iPhone 4S) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่ห้าของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 4 โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let's talk iPhone ณ สำนักงานใหญ่แอปเปิล เมืองคูเปอร์ทิโน่ เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก iPhone 4 ซึ่งภายนอกมีลักษณะไม่แตกต่างกันมากนัก โดยรุ่นนี้มีการแก้ไขปัญหาสัญญาณตกที่เกิดกับ ไอโฟน 4 ในส่วนของระบบประมวลผลได้เปลี่ยนไปใช้ชิพ Apple A5 แบบเดียวกับ ไอแพด 2 และมีการเพิ่มความจุในรุ่น 64GB เข้ามา


********************



เฉาก๊วยมาจากไหน

“เฉาก๊วย” ขนมหวานสีดำ ที่มีลักษณะหยุ่น ๆ เหมือนวุ้น ต้องรับประทานพร้อมกับน้ำเชื่อมและน้ำแข็ง ใครรู้บ้างว่า จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่วุ้น แต่มันทำมาจากพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งพืชชนิดนั้นก็คือ “ต้นเฉาก๊วย” นั่นเอง
“ต้นเฉาก๊วย” เป็นพืชล้มลุก ประเภทคลุมดิน ลักษณะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก ลำต้นกลม เปราะและหักง่าย พืชชนิดนี้เป็นพืชในตระกูลเดียวกับพวกใบสะระแหน่ หรือ มิ้นต์ แต่ใบจะใหญ่และเรียวแหลมกว่า ใบเป็นรูปรีแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ มีสีเขียวสด ดอกสีขาว ลักษณะคล้ายดอกกะเพรา ออกได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งปี คนไทยเรียกว่า “หญ้าเฉาก๊วย” แปลว่า ขนมที่ทำจากหญ้า (“เฉา” แปลว่า “หญ้า”, “ก๊วย” แปลว่า “ขนม”)
พืชชนิดนี้ขยายพันธุ์โดยวิธีปักชำกิ่ง แต่ก็สามารถขึ้นได้ในดินทั่วไป เป็นไม้ที่ชอบทั้งแดดและความชุ่มชื้น ปลูกได้ทั้งในดินกลางแจ้งและลงกระถาง ใบเมื่อนำไปตากแห้งแล้วเอาไปต้มจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำก็จะได้น้ำเฉาก๊วย หรือนำยางไปผสมแป้งให้มันอยู่ตัว ก็จะได้เฉาก๊วยที่เรารับประทานกัน สรรพคุณนอกจากจะช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำแล้ว ยังสามารถควบคุมโรคความดันสูงได้อีกด้วย.

เฉาก๊วย

เป็นอาหารหวานชนิดหนึ่ง ซึ่งแพร่หลายในประเทศจีน จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นทั้งในอาหารหวาน และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สำหรับในประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นอาหารหวานระดับพื้นบ้าน เนื่องจากมีการจำหน่ายทั่วไปในชุมชนเมืองทั่วประเทศ

กรรมวิธี
เฉาก๊วย เป็นผลผลิตต่อเนื่องจากการแปรรูปต้นเฉาก๊วย ซึ่งเป็นพืชในวงศ์ Lamiaceae (วงศ์มิ้นท์) วงศ์เดียวกับ สะระแหน่ กะเพรา โหระพา แมงลัก และ ยี่หร่า

วิธีทำเฉาก๊วยอย่างง่ายๆ คือ นำต้นเฉาก๊วยแห้งมาต้ม จนยางไม้และแพคตินละลายออกมาได้น้ำสีน้ำตาลดำ เรียกว่า ชาเฉาก๊วย จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำไปผสมกับแป้งพืช เพื่อให้เฉาก๊วยคงตัวเป็นเจลลี่ ซึ่งส่วนประกอบนั้น แต่ละเจ้าจะมีสูตรของตนเอง วิธีที่เป็นต้นตำรับโบราณนั้น นิยมผสมกับแป้งท้าวยายม่อม และแป้งมันสำปะหลัง อัตราส่วนตามความเหมาะสม โดยแป้งมันจะทำให้เนื้อเฉาก๊วยนิ่ม (ใส่มากจะเหลว) ส่วนแป้งท้าวยายม่อมจะให้เนื้อเฉาก๊วยคงรูปได้นาน อาจปรับปรุงโดยใส่แป้งข้าวเจ้าเพื่อให้แข็งตัวขึ้น หรือเพิ่มแป้งข้าวเหนียวให้มีความหนุบหนับ หรือใส่ส่วนผสมอื่นๆ ก็ได้ ปัจจุบัน มีผู้ค้าบางรายใส่สีผสมอาหารให้สีดำเข้มบ้าง ใส่วุ้น-เจลาติน เพื่อประหยัดต้นทุนก็มี

การรับประทานเฉาก๊วยแต่เดิมชาวจีนจะกินกับน้ำตาลทรายแดง โดยเอามาคลุกกับน้ำตาลให้เข้ากัน คนไทยนำมาดัดแปลงโดยหั่นเป็นชิ้นๆ ใส่ในน้ำเชื่อมและน้ำแข็ง กินกับข้าวโพด ลูกชิด หรือลูกตาลเชื่อมก็ได้

สรรพคุณ
เช่นเดียวกับพืชอื่นๆในวงศ์มิ้นท์ เฉาก๊วยมีสรรพคุณแก้ร้อนในกระหายน้ำ แต่เนื่องจากมีระดับของน้ำมันหอมระเหย และสารออกฤทธิ์ ในระดับที่ต่ำกว่าตระกูลกระเพราเป็นอย่างมาก จึงส่งผลให้เฉาก๊วยไม่มีฤทธิ์ขับลม หรือบรรเทาปวด เหมือนดังที่มีในพืชตระกูลกระเพรา-โหระพา

Halloween Day

วันฮาโลวีนของทุกปี จะตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม เชื่อว่ามีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์ (Celt) ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่เรียกว่า Samhain
ประวัติความเป็นมาของวันฮาโลวีน
Samhain  เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นวันขึ้นปีใหม่
ซึ่งในวันที่ 31 ตุลาคมนี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย และยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดัง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
นอกจากนี้คืนดังกล่าวยังเป็นคืนเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจมีการนำสัตว์ หรือพืชผลมาบูชายัญให้กับเหล่าภูติผี และวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับ และจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา “คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง” เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์ แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน
ในสมัยต่อชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลอง ของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 จึงได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow?s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween