วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

10วิธีแก้อกหัก

1)ระบายออกมาเป็นตัวหนังสือให้หมด 
แฟนเก่าทำอะไรให้เราช้ำใจ เขียนออกมาให้หมดเลย เพราะในเมื่อไม่มีใครอยากฟังเรื่องอกหักจากปากของเรา ก็เขียนไปเลย และทำให้เรารู้สึกระบายออกมา คิดซะว่า นี่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ที่ต้องแก้ เพื่อเจอคนที่ดีกว่าเดิม หรือไม่ก็ เขียนเสร็จแล้วเผาๆไปเลย
2)เปลี่ยน Look ใหม่ของเราให้เจ๋งกว่าเดิม
ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วครับ ว่าจะทุ่มเทมากแค่ไหน ก็ตั้งใจเรียน ออกกำลังกาย ทำตัวเองให้เจ๋ง เล่นดนตรี ทำงาน Part Time ตั้งอนาคตที่ดี เหมือนกับว่า"ในเมื่อแฟนเก่าไม่รักเราใช่มั้ย เราก็ทำให้สุดๆ สวยได้สวยไป เจอเราหน่อยดีมั้ย" ไม่ควรสร้างกระแสแย่ๆ เพราะทำให้ตัวเราต่ำลง เป็นที่น่าสนใจในทางลบ 
3)อะไรที่เกี่ยวกับแฟนเก่า ลบออกไปให้หมด
ถ้ายังเห็น จะจำได้อยู่ และมีอารมณ์อาลัยอาวรณ์ ไม่อยากลืม เราต้องเด็ดขาดกับมัน!!! ในเมื่อเราไม่รักกันแล้ว ต่อให้ง้อยังไง ก็ไม่รักกันอยู่ดี หาใหม่ดีกว่า อย่างรูปแฟน ของขวัญที่แฟนให้ เผาๆไปให้หมดเลยครับ และ Facebook แฟนเก่า ก็บล็อกๆไปเลย อย่าได้แคร์ ตอนแรกยังไม่ลืม แต่ผ่านไปปีๆ ก็จะลืมเอง เชื่อผมครับ
4)วางแผนอนาคต
เรื่องคนรักเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหน้าที่การงาน และชีวิตกลับสำคัญยิ่งกว่า คนเราถ้ารวย มีแต่คนมาหา แต่อย่าลืมว่า ถ้ารวยแล้ว คนส่วนใหญ่ที่มา มักจะไม่รักเราจริง แต่กลับรักเงินที่มีอยู่ของเรา!!
5)มองโลกในแง่บวกซะ(คิดซะว่า เราเป็นผู้มอบความสุขกับทุกๆคน)
การมองโลกในแง่บวก มีแต่ทำให้จิตใจเราสูงขึ้น คิดว่า เราอกหัก ยังดีกว่ารักไม่เป็น หาใหม่ได้ ผู้ชาย(หญิง) ไม่ได้มีคนเดียวในโลก รวมไปถึง จะทำยังไงให้คนใกล้ตัวมีความสุข เมื่อเรามีความสุขในตัวเอง คนอื่นก็จะมีความสุขด้วย แต่ถ้าเรามีความทุกข์ คนอื่นก็จะมีความทุกข์้ด้วย
ความสุขจะหามาจากไหน? จริงๆ ความสุขอยู่ที่ใจเราเองครับ เราลองให้หัวใจมองว่า อะไรนอกเหนือจากแฟนแล้วมีความสุข อย่างผม ผมมีความสุขที่เล่นกีตาร์ วาดรูป พิมพ์บล็อก คุยกับเพื่อนๆ ทุกๆครั้งที่ทำ พยายามคิดในแง่บวกเอาไว้ เพราะการคิดในแง่บวก ทำให้เรามีความสุข และอายุยืนยาวอีกด้วยนะ
ลองสังเกตพวกตลกที่ได้แฟนสวยๆสิ หน้าตาตลกก็ขี้เหร่ แต่ทำไมถึงมีได้ ก็เพราะพวกตลก มีแต่"ความสุข" "ความสุข" และก็"ความสุข"
6)ยิ้มให้ทุกๆคนที่เดินผ่าน 
 การยิ้ม ทำให้
1. มีเสน่ห์
หลายคนที่ไม่ได้หล่อไม่ได้สวย แต่ทุกครั้งที่ยิ้ม ก็เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกสว่างไสวไปกับรอยยิ้มของเขา หลายคนไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองยิ้มสวยแค่ไหน ต้องลองยิ้มกับกระจกและสำรวจดูบ้าง

2. มีมิตรมากกว่าศัตรู

รอยยิ้มที่จริงใจและถูกกาลเทศะ จะสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ว่ากันว่า รอยยิ้มคือเครื่องมือกะเทาะกำแพงน้ำแข็ง หรือความเย็นชาแปลกหน้าที่ผู้คนมีต่อกันได้เป็นอย่างดี ใครจะรู้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ส่งให้กันในวันนี้ อาจนำพาเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตมาให้เราก็ได้

3. มีความสดชื่น

รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์ที่สดชื่น เหมือนกับความสดชื่นนั้นคือต้นไม้ และรอยยิ้มก็คือดอกไม้ อารมณ์และสภาพจิตของคนเรา ปลูกต้นอะไรไว้ก็ย่อมจะออกดอกเป็นสิ่งนั้น

4. มีกำลัง

หลายคนบอกว่า เมื่อเผชิญกับปัญหา ความทุกข์ หรือความยากลำบาก ให้ยิ้มเข้าไว้ จะทำให้มีเรี่ยวแรงกำลังที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะว่ารอยยิ้ม คือกำลังของชีวิตอย่างหนึ่ง

5. มีมุมมองที่ดี
คนที่มีอุปนิสัยยิ้มแย้ม จะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แม้ในเวลาที่มีปัญหา ก็จะยิ้มสู้ และพลิกปัญหาหรืออุปสรรคเหล่านั้นให้กลายเป็นโอกาสขึ้นมาได้
แนะนำยิ้มกับเพศตรงข้ามที่เดินผ่านตัวเราครับ(ถ้ายิ้มให้เพศเดียวกันจะหาว่ารักไม้ป่าเดียวกัน ยกเว้นเพื่อนๆที่รู้จักกันแล้ว) ไม่ว่าจะรถเมล์ เดินห้าง ฯลฯ การยิ้ม ถ้าเรายิ้มให้คนแปลกหน้า คนแปลกหน้าคนนั้น จะคิดว่าเรามีมนุษยสัมพันธ์ดี น่าคบเป็นเพื่อน(แฟน) และรู้จักกันง่ายขึ้น บางที เค้าไม่ยิ้มกลับ อย่าไปเสียใจครับ เพราะทุกๆคนที่เรายิ้มให้ มีความสุขหมด แต่ไม่แสดงออกให้เห็น ทุกๆคนชอบยิ้มให้กันครับ อย่างรูปโปรไฟล์ใน Hi5 หรือ Facebook คนที่ยิ้มให้กล้อง มักจะมีแต่คนเข้ามาคุยด้วย ถ้าสมัยก่อน พวกทำตาแอ๊บแบ๊ว มีแต่คนคบหา แต่ตอนนี้ คนยิ้มเก่ง มีแต่คนเข้าหาครับ ทั้งโลกไซเบอร์และโลกแห่งความเป็นจริง พยายามยิ้มบ่อยๆ ถ้าไม่เคยยิ้มเลย ก็ฝึกยิ้มผ่านกระจกเงาก่อนก็ได้ ถ้าดูดีแล้วยิ้มให้คนอื่นเรื่อยๆ
บางคนคิดว่าทำแบบนี้เหมือนคนบ้าครับ จริงๆไม่ใช่เลย ถ้ายิ้มทุกสิ้งทกอย่าง ไม่ว่าเสาไฟ ตู้ไปรษณีย์ กองอึหมา นี่แหละ บ้าขนานแท้
7) เลิกฟังเพลงแนวความรัก
ทั้งรักสมหวัง และผิดหวัง ถ้าเป็นไปได้ เลิกฟังเถอะครับ ฟังแล้ว เอาไปรักใครเค้าไม่ได้หรอก เนื้อหาของเพลงมีเรื่องเดียวอ่ะ ผู้หญิงเจอแฟนตัวเองควงผู้หญิงคนใหม่ และนั่งเสียใจ หรือผู้ชายเจอแฟนสาวไปควงผู้ชายคนอื่นที่ดีกว่าเรา มันมีแต่นี้จริงๆครับ
8) ห้ามดื่มสุราเป็นขวดๆเพื่อแก้ช้ำรัก
 สุรา นอกจากเราเป็นลำยองแล้ว ยังทำให้สมรรถภาพในการขับขี่ลดลง,ผิดศิลข้อ 5 และที่สำคัญ ทำให้เซ็กซ์เสี่อมได้ ยิ่งกิน ยิ่งเซ็กซ์เสื่อม คุ้มมั้ยเนี่ย แต่ถ้ากินแบบจิบไปเรื่อยๆ และคุย จะช่วยผ่อนคลายครับ

9) เรื่องรักครั้งเก่า อย่าเล่าให้แฟนใหม่ฟังหรือเพื่อนฟัง นอกจากอยากจะรู้จริงๆ
ยิ่งเล่าเหมือนยิ่งซ้ำเติมครับ อย่าเล่าเลย นอกจากเค้าอยากรู้จริงๆ เรามีอนาคตที่ดีกว่าอยู่แล้ว อย่าไปเสียเวลากับเรื่องก่อมะเร็งเลย แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็ไม่ต้องเล่าแบบใส่อารมณ์มาก
10)สุดท้าย......ไม่มีใครอยากฟังเรื่องอกหักของทุกๆคน
เพราะมันเป็นเรื่องทุกข์ครับ  ไม่มีใครชอบความทุกข์หรอก(เว้นแต่พวกไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง จมปลักอยู่กับความทุกช์) เราต้องมีความสุขจากตัวเอง

วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก Valentine's Day เรามีประวัติวันวาเลนไทน์ สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ ธรรมเนียมถือปฏิบัติวันวาเลนไทน์ มาฝาก           วันวาเลนไทน์คงเป็นวันที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย... โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ตื่นขึ้นมา พร้อมรอยยิ้ม เพื่อเตรียมของขวัญ คำหวาน และข้อความพิเศษ ๆ มอบให้กับคนรักอย่างแน่นอน..  และในโอกาสวาเลนไทน์วันแห่งความรักวันนี้ กระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดหยิบยกเรื่องราวของวันวาเลนไทน์มาฝากกันอีกเช่นเคย มาดูกันซิว่า วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นได้อย่างไร และชาวตะวันตกทำอะไรกันบ้างในวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์วันนี้
           สำหรับประวัติวันวาเลนไทน์นั้น หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุเป็นเพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรักนั่นเอง นักบุญวาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น โรม ต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด อย่างสิ้นเชิง

           แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง




สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

          สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์คือ เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม) 
          ตำนานความรักของ เทพเจ้าคิวปิด นั้น ในอดีต เทพเจ้าวีนัสอิจฉา "ไซกี" ธิดาวัยกำลังแรกรุ่นของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่สำคัญคือไซกีสวยกว่าเทพเจ้าวีนัสมาก นางเลยส่งเทพเจ้าคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ แต่เทพเจ้าคิวปิดกลับหลงรักไซกีและพามาที่วัง และลอบมาหาในเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนยุให้ไซกีแอบดูตอนเทพเจ้าคิวปิดนอนหลับ แต่ด้วยความตื่นเต้นของไซกีที่เห็นเทพเจ้าคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงาม เลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่เทพเจ้าคิวปิด เมื่อเทพเจ้าคิวปิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่ง จึงทิ้งนางไป

          เมื่อโดนทิ้ง ไซกีก็ออกตามหาเทพเจ้าคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกเทพเจ้าวีนัสกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา จนเทพเจ้าคิวปิดเห็นใจต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจ จึงช่วยให้ทั้งสองได้ครองรักกัน

 ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์

           หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine."

           ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart)

           เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อ เพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่ง สัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คนๆ นั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

           ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา

           บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี

           ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป

           บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ล ได้หมดพอดี

           ในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้