วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ซาดาโกะ กับนกกระเรียน1000ตัว


ซาดาโกะ ซาซากิ 



ซาดาโกะ ซาซากิ (「佐々木 禎子」, Sasaki Sadako) เกิดวันที่ 7 ม.ค. พ.ศ. 2486 – 25 ต.ค. พ.ศ. 2498) เป็นเด็กหญิงชาวญี่ปุ่น ที่อาศัยอยู่ใกล้กับสะพานมิซาซะในเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น

 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. พ.ศ. 2488 ระเบิดนิวเคลียร์ถูกทิ้งลงที่ฮิโรชิมา ซาดาโกะ ณ ขนาดนั้น มีอายุเพียง 2 ปี  เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชาวญี่ปุ่นล้มตายเป็นจำนวนมาก  บ้านของเธอเองก็อยู่ใกล้กับสะพานมิซาซ่าในตัวเมืองฮิโรชิม่าห่างจากจุดที่ระเบิดเพียงกิโลเมตรกว่าๆ แต่ซาดาโกะและครอบครัวเกือบทั้งหมดไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงยายที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น
เวลาผ่านไป ซาดาโกะเป็นเด็กที่แข็งแรง เป็นนักกีฬาวิ่งแข่งของโรงเรียน  แต่เพียง 11 ปีภายหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซาดาโกะได้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและสลบในห้องเรียน และครอบครัวก็ได้รับข่าวร้าย ซาดาโกะ เป็นโรคลูคีเมีย ซึ่งก็คือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว....สงครามครั้งนั้นเธอไม่ได้รับบาดเจ็บทางกายก็จริง แต่กัมมันตภาพรังสีที่ซ่อนในร่างกายเธออย่างเงียบๆ ส่งผลต่อชีิวิตเธอในอีกหลายปีถัดมา!!

นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเด็กน้อยผู้ร่าเริงคนที่ตั้งความหวังว่าจะเป็นนักวิ่งที่เก่งกาจกลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาล แต่ซาดาโกะต่อสู้ก็กับโรคร้ายด้วยความเข้มแข็ง ในจิตใจของเธอเปี่ยมด้วยความหวังว่า ตัวเองจะต้องหายจากอาการป่วย   ชิซูโกะเพื่อนสนิทได้มาเยี่ยมซาดาโกะที่โรงพยาบาลพร้อมได้นำ โอะริงะมิ มาพร้อมเล่าตำนานนกกระเรียน "ซูรุ" ให้ฟัง โดย ซูรุเป็นนกศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว ความหวัง ความโชคดีและความสุข นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความเจ็บป่วยได้ด้วย ถ้าใครสามารถพับนกกระเรียนได้ถึง 1,000 ตัว แล้วผู้นั้นจะมีอาการดีขึ้น

               
ซาดาโกะใช้เวลา 14 เดือนในโรงพยาบาล จากคำบอกเล่าของแม่และเพื่อนของเธอว่าขณะที่ซาดาโกะพับนกกระเรียนนั้นเธอตั้งใจบรรจงพับอย่างสุดใจ และแววตาที่เปี่ยมความหวังของเธอเป็นประกายที่จะสู้กับโรคร้าย แม่ของซาดาโกะบอกให้เธอพักผ่อนบ้างเธอก็ได้แต่บอกว่า
 ไม่เป็นไรหรอก นี่คือความหวัง หนูยังมีแรงอยู่ 

ระหว่างที่ซาดาโกะเดินออกไปหากระดาษมาเพิ่มเธอได้พบว่ามีเด็กหลายคนที่ป่วยเหมือนกับเธอแบบไม่แตกต่าง เธอได้ให้กำลังใจกับเด็กเหล่านั้นให้พับนกกระเรียนอธิฐานเหมือนเธอ แต่เด็กชายคนหนึ่งที่อาการหนักมากแล้วได้ตอบเธอว่า ไม่มีปฎิหารย์หรอก พระเจ้าองค์ไหนก็ช่วยเขาไม่ได้ เขาพร้อมแล้วที่จะตาย แล้วเด็กคนนั้นก็ตายในคืนนั้นเอง

ซาดาโกะได้เขียนจดหมายถึงเพื่อนในชั้นเรียนได้เล่าเรื่องราวต่างๆและความคิดเรื่องนกกระเรียนพันตัว เรื่องของวันรำลึกถึงสันติภาพที่เธอได้เห็นมาตั้งแต่เด็กและเรื่องของความหวังที่จะหายจากโรคลูคีเมีย เธอได้ต่อสู้กับความเจ็บปวดของโรคลูคีเมียพับนกได้จนถึงกลางเดือนสิงหาคมนั่นเองขาของเธอก็เจ็บบวมและเขียวคล้ำจนเธอลุกออกจากเตียงไปหากระดาษมาเพิ่มอีกไม่ได้ ในวันนั้นแม่ของเธอได้นำเอาข้าวมาให้เธอกินและได้ปลอบใจให้เธอได้กินอาหารบ้างจะได้มีแรงสู้กับความเจ็บปวด เธอได้ขอให้เอาข้าวใส่ในน้ำชาให้เธอกินและบอกว่า นั่นอร่อยดีแล้ว และคำนี้คือคำพูดสุดท้ายของซาดาโกะ 





ในวันที่ 25สิงหาคมเธอก็จากไปจากโรคลูคีเมียที่กัดกินชีวิตของเธอไปเหมือนกับเหยื่อรายอื่นๆของเด็กเมืองฮิโรชิม่าที่โดนพิษของกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณูลูกนั้น เธอพับนกได้เพียง 654ตัว เพื่อนของเธอที่โรงเรียนจึงได้ช่วยกันพับนกให้ครบพันตัวและใส่ลงในโลงศพของเธอเพื่อฝังไปพร้อมกับความหวังสุดท้ายของซาดาโกะ

เมื่อเรื่องซาดาโกะแพร่หลายออกไป จึงได้มีการบริจาคเงินสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงซาดาโกะและเด็กๆ อีกหลายคนที่เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู และตั้งที่ใจกลางสวนสาธารณะสันติภาพฮิโรชิม่า โดยอนุสาวรีย์นี้เป็นรูปของซาดาโกะกำลังยืนและยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปบนฟ้า ที่มือของเธอถือนกกระเรียนสีทองไว้
นอกจากนี้เรื่องราวของซาดาโกะถูกนำเสนอผ่าน ตัวหนังสือและสื่ออื่นๆ แต่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จัก มากที่สุดคือ หนังสือเรื่อง ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว หรือ Sadako and the Thousand Paper Cranes ของ อีลีนอร์ โคเออร์ สตรีชาวแคนาดา ผู้ลุ่มหลงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างยิ่ง โคเออร์เขียน เรื่องราวของซาดาโกะขึ้นจากหนังสือชื่อ โคเคชิ ซึ่งเพื่อนนักเรียนของซาดาโกะนำจดหมายและ บันทึกของเธอมารวมเป็นเล่ม วรรณกรรมเรื่อง ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ สหรัฐอเมริกาในปี 2520 ปัจจุบันถูกตีพิมพ์เป็นภาษา ต่างๆ มากมาย

วรรณกรรมเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว กลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนได้ตระหนักถึงพิษภัยของสงคราม และทำให้การพับนกกระเรียนกระดาษ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเป็นการอธิษฐานเพื่อให้ ผู้คนหายจากอาการเจ็บป่วย รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ แห่งการเรียกร้องหาสันติภาพอีกนัยหนึ่งด้วย

สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ไปเยือนอนุสาวรีย์ของซาดาโกะที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมาก็จะได้พบว่า มีถ้อยคำที่กินใจจารึกไว้ที่ฐานของรูปปั้นว่า

"นี่คือ คำร้องขอ ของเรา นี่คือ คำภาวนาของเรา สันติภาพจงบังเกิดขึ้นบนโลก..." 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น