วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

เด็กมัธยมควรดู...5 วิธีเอาเกรด 4 มาครอบครอง

 ส่วนตอนนี้เปิดเทอมแล้วน้องๆ ก็คงรับรู้เกรดเทอม 1 กันเป็นที่เรียบร้อย แต่เอาล่ะ ไม่ว่าผลสอบจะเป็นยังไง ก็อย่าไปซีเรียสนะคะ มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เทอมสองยังมี เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย แต่ถ้าใครได้เลขสวยวิ๊งๆ พี่มิ้นท์ก็ยินดีด้วยจ้า ซึ่งช่วงต้นเทอมแบบนี้แหละฤกษ์ดี จะชวนน้องๆ มาวางแผนพิชิตเกรด 4 กัน เคล็ดลับเหล่านี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะคะ^^
  
     
วิธีที่ 1 วิชาไหนได้เกรดง่ายต้องเก็บให้เรียบ
             วิชาที่ว่า ขอยกตัวอย่างเช่น วิชาพละ นาฏศิลป์ คอมพิวเตอร์ ภาษาไทย วิชาเหล่านี้หลายคนให้ความเห็นว่าเป็นวิชาที่ได้เกรดมาไม่ยาก โดยเฉพาะวิชาพละ ขอแค่เข้าให้ครบและเล่นกีฬาให้อาจารย์เห็น แค่นี้ก็ได้เกือบ 100 คะแนนเต็มกันทุกคนแล้ว ส่วนพวกวิชาศิลปะ นาฏศิลป์ อาจจะต้องเพิ่มทักษะส่วนตัวขึ้นมาหน่อย แต่ก็ได้เกรดมาไม่ยากอยู่ดีค่ะ ยกเว้นว่าอาจารย์คนนั้นจะโหดม๊ากกก เช่น ต้องตั้งวงให้ได้องศาเป๊ะ นิ้วต้องดัดลงมาให้แตะข้อมือให้ได้ หรือต้องวาดรูปให้ได้เหมือนแวนโก๊ะ!!
              มันเป็นโอกาสที่ดีทีเดียว ที่เราจะใช้ช่องทางเก็บเกรดวิชาง่ายๆ เพื่อเพิ่มเกรดของเรา ลองคิดดูว่าถ้าเกรดวิชาอื่นตกต่ำหมด แต่ได้เกรด 4 วิชาพวกนี้ทุกวิชา... เป็นพระเอกขี่ม้าขาวดีๆ นี่เอง

     
 วิธีที่ 2 ส่งงานให้ครบวิชาที่ได้เกรดยาก
               เมื่อคะแนนสอบพึ่งไม่ได้ ก็ลองหันมาพึ่งคะแนนเก็บดูบ้าง มีจำนวนไม่น้อยนะคะที่คิดว่า วิชานี้ได้เกรดยากงั้นปล่อยมันไปเถอะ วิชาเดียวช่างมัน!! น้องคะ..ถ้าคิดแบบนี้ตลอดไปแล้วเมื่อไหร่เกรดเราจะดีขึ้นล่ะคะ แล้วถ้าเทอมนั้นดันมีวิชาเกรดโหด 5 วิชา เกรดออกมาคงแพ้เด็กอนุบาลแน่ๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นตรงไหนที่เราได้คะแนนไม่ดี ก็ต้องหาหนทางอื่นเข้ามาช่วย

                
โดยปกติในระดับมัธยม สัดส่วนคะแนนเก็บต่อคะแนนสอบปลายภาคจะเป็น 70-30 หรือ 80-20 เห็นตัวเลขนี้ น้องๆ ก็คงมองเห็นแล้วว่าคะแนนเก็บทั้งเทอมมันเยอะกว่าคะแนนปลายภาค 2-3 เท่า ถ้าเราทำคะแนนเก็บดี เกรด 2-3 ก็รอเราอยู่แค่เอื้อม ทำปลายภาคอีกนิดหน่อยเกรด 4 ก็ได้ไม่ยาก คะแนนเก็บส่วนใหญ่จะมาจากรายงาน การบ้าน ส่วนตัวพี่มิ้นท์มองว่าคะแนนการบ้าน อาจารย์จะแค่เช็คว่าเราทำครบ ส่งครบมั้ย เรื่องถูกผิดจะให้ความสำคัญรองลงมา อย่างวิชาเคมี ฟิสิกส์ ถ้ามีการทดลองในห้องแล้วให้ส่งบันทึกผลการทดลอง ก็ควรจะส่งให้ครบตามกำหนดเวลา อย่าลืมนะ ส่งให้ครบและทัน ชีวิตจะดีขึ้นเอง

วิธีที่ 3 ใส่ใจเรื่องหน่วยกิต
                  หน่วยกิต คือ ตัวเลขที่แสดงค่าน้ำหนักของวิชานั้นๆ เช่น วิชาภาษาไทยมี 2 หน่วยกิต คณิตมี 2 หน่วยกิต ซึ่งจะเรียนจบได้ก็ต้องได้หน่วยกิตให้ครบ หากใครเคยลองสังเกตดูก็จะรู้ว่าคาบเรียนกับจำนวนหน่วยกิตจะคล้องกันอยู่ คือ ถ้าหน่วยกิตยิ่งเยอะก็จะมีจำนวนชั่วโมงเยอะ เช่น มี 2 หน่วย ก็จะเรียน 4 คาบ/สัปดาห์ แต่ถ้า 1 หน่วย ก็จะเรียน 2 คาบ/สัปดาห์ และหน่วยกิตก็เป็นตัวแปรสำคัญต่อการคิดเกรดของน้องๆ ด้วยค่ะ
                 พูดง่ายๆ คือ ยิ่งหน่วยกิตเยอะ ก็ยิ่งมีผลต่อเกรดรวมของน้องๆ เช่น หน่วยกิตหนักๆ อย่าง 2 หรือ 2.5 ถ้าได้เกรดดี เกรดรวมของน้องๆ ก็จะอลังการไปเลย แต่ถ้าได้ต่ำก็ฉุดให้เกรดรวมต่ำลงไปด้วย เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หลังจากนี้ขอให้น้องๆ หันมาใส่ใจหน่วยกิตให้มากๆ วิชาไหนที่ค่าน้ำหนักหน่วยกิตสูง ก็ขอให้ตั้งใจเรียนและพยายามให้ได้เกรด 4 มาครองไว้ดีที่สุด
                  ก่อนจบเรื่องนี้ พี่มิ้นท์ จะมาสอนวิธีคิดเกรดกัน ง่ายๆ คือ
 เอาหน่วยกิตที่ได้คูณกับค่าน้ำหนักหน่วยกิตในแต่ละวิชา แล้วหารด้วยหน่วยกิตทั้งหมด สมมติว่า(สมมตินะคะสมมติ)
                           ภาษาไทย ( 2 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 2 x 4 =8
                           คณิตหลัก ( 2 หน่วยกิต) ได้เกรด 2 = 2 x 2 = 4
                           คณิตเสริม ( 1 หน่วยกิต) ได้เกรด 2 = 1 x 2 = 2
                           สุขศึกษา ( 1 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 1 x 4 = 4
                           ภาษาอังกฤษ ( 2 หน่วยกิต) ได้เกรด 3 = 2 x 3 = 6
                           วิทยาศาสตร์ ( 1.5 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 1.5 x 4 = 6
                  
รวม เรียนทั้งหมด 9.5 หน่วยกิต  ผลคะแนนที่คูณหน่วยกิตได้ทั้งหมด 30 ดังนั้นเกรดของน้องๆ เทอมนี้ จะได้เท่ากับ 30/9.5 = 3.15

                   จากตัวอย่างจะเห็นว่า วิชาที่หน่วยกิตหนักสุดคือ ไทย คณิตหลักและ วิทยาศาสตร์ คราวนี้พี่มิ้นท์จะลองแทนค่าดูว่าได้ 3 วิชานี้ได้ 4 หมด อะไรจะเกิดขึ้นกับเกรดของน้องๆ บ้าง
                            ภาษาไทย ( 2 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 2 x 4 =8
                            คณิตหลัก ( 2 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 2 x 4 = 8
                            คณิตเสริม ( 1 หน่วยกิต) ได้เกรด 2 = 1 x 2 = 2
                            สุขศึกษา ( 1 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 1 x 4 = 4
                            ภาษาอังกฤษ ( 2 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 2 x 4 = 8
                            วิทยาศาสตร์ ( 1.5 หน่วยกิต) ได้เกรด 4 = 1.5 x 4 = 6
                    
รวม เรียนทั้งหมด 9.5 หน่วยกิต  ผลคะแนนที่คูณหน่วยกิตได้ทั้งหมด 36 ดังนั้นเกรดของน้องๆ เทอมนี้ จะได้เท่ากับ 36/9.5 = 3.78 เลยทีเดียวค่ะ  เห็นความสำคัญเรื่องหน่วยกิตเพิ่มขึ้นบ้างรึยังคะ :D

         วิธีที่ 4 งานกลุ่มดี ดีทั้งกลุ่ม ถ้าล่ม ก็ล่มทั้งกลุ่ม
               หลายๆ วิชาจะมีงานกลุ่ม ซึ่งประโยชน์ของงานกลุ่มที่เห็นได้ชัดๆ เลย คือ คะแนนจะสูงกว่างานที่ทำคนเดียว แต่โทษของมันคือ อาจจะเจอปัญหาเรื่อง "คน" มากกว่า "งาน" เช่น ไม่ค่อยช่วยงานบ้าง หรือทำงานไม่เต็มที่บ้าง ดังนั้นต่อไปนี้ ถ้ามีงานกลุ่ม ขอให้น้องๆ เห็นความสำคัญของงานกลุ่มมากขึ้น อย่าคิดแค่ว่าถ้าเราไม่ทำ คนอื่นก็ทำ หรือ คะแนนงานไม่ดี แต่เพื่อนพรีเซ้นเก่ง เดี๋ยวก็ได้คะแนนดีเอง
               อย่าให้ความคิดพวกนี้มาทำให้น้องๆ ประมาททีเดียวเชียว งานกลุ่มมันก็เหมือนสัญญาชีวิตอะไรบางอย่าง คะแนนดีก็ดีทั้งกลุ่ม แต่ถ้าคะแนนห่วยก็ห่วยทั้งกลุ่ม ลองให้ความสำคัญกับมันเยอะๆ ตั้งใจทำให้เต็มที่ เพราะมาตรฐานของงานกลุ่ม อาจารย์ตั้งเป้าให้สูงกว่างานเดี่ยวอยู่แล้ว หากงานสำเร็จก็ยังได้ความภูมิใจเป็นรางวัลด้วยนะ


 วิธีที่ 5 ทำตัวดีๆ จิตพิสัยล้นปรี่
             ทำตัวดีๆ ในที่นี้ก็ควรทำทั้งต่อหน้าและลับหลัง หลักสูตรเมืองไทยค่อนข้างให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของเด็ก ถึงได้มีคะแนนจิตพิสัยเข้ามาช่วย ถึงแม้จะมีแค่ 10 คะแนน แต่ก็เปลี่ยนเกรดได้ถึง 2 เกรดเชียวนะคะ ลำพังถ้า 10 คะแนนนี้เป็นคะแนนสอบ ต้องอ่านหนังสือกี่วันถึงจะได้ 10 คะแนนเต็ม แต่ในอีกมุมนึง แต่เราทำตัวดี ตอบคำถามในห้องเรียน ส่งการบ้านครบ แต่งตัวเรียบร้อย น้องๆ แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไร ก็ได้ 10 คะแนนมาง่ายมากๆ
               
5 ข้อที่ผ่านมา พี่มิ้นท์ว่าวิธีนี้ทำได้ง่ายที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ลอยนวลค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น